Honor V30 สมาร์ทโฟนราคาประหยัด พร้อมรองรับเทคโนโลยี 5G และสเปคระดับเรือธง มาพร้อมหน้าจอแบบ IPS LCD ขนาด 6.57 นิ้ว Full HD+ ความละเอียด 1080 x 2400พิกเซล(400 ppi) สัดส่วนแบบ 20:9 มีดัตราส่วนหน้าจอที่ 84.9%. เพิ่มความปลอดภัยด้วยระบบสแกนลายนิ้วมือที่บริเวณขอบด้านข้างตัวเครื่อง. มุมบนด้านซ้ายของจอมีการเว้นช่องสำหรับกล้องหน้าคู่ ที่มาพร้อมความละเอียด 32 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.0 และเลนส์ ultrawide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.2 ทำมุมกว้างเท่าระยะเลนส์ 17 มม.
กล้องหลังแบบ Triple Camera เซ็นเซอร์หลักความละเอียด 40 ล้านพิกเซล
ค่ารูรับแสง f/1.8 เท่าระยะเลนส์ 27มม. เลนส์ Telephoto ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f/2.4 เท่าระยะ 80มม. พร้อม optical zoom 3 เท่า, เลนส์ ultrawide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f/2.4 เท่าระยะ 16มม. บันทึกวีดีโอความละเอียดสูงสุด 4K@30fps ซุปเปอร์สโลว์ 720p@960fps.
ชิพประมวลผลใช้เป็น HiSilicon Kirin 990 (7 นาโนเมตร) โมเดมรองรับ 5G ซีพียู Octa-core 2.86 GHz พร้อมชิพประมวลผลกราฟฟิคเป็น Mali-G76 MP16. RAM มีให้เลือกทั้งแบบ 6GB และ 8GB ความจำเครื่อง 128GB. บนระบบปฏิบัติการ Android 10.0 ครอบด้วย Magic UI 3. แบตเตอรี่ให้มาที่ 4200 mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จไว Honor SuperCharge 40 วัตต์.
กล้องหน้าอันนี้ต้องยกให้ V30 ที่มาพร้อมเซ็นเซอร์คู่ 32 ล้านพิกเซล f/2.0 และ 8 ล้านพิกเซล f/2.2, 17มม (ultrawide) ขณะที่ใน X2 Pro ให้มาแค่ 16 ล้านพิกเซล f/2.0 ตัวเดียว. ทั้งสองบันทึกวีดีโอกล้องหน้าไปที่ 1080p@30fps เท่ากัน นะจ๊ะ.
แบตเตอรี่ V30 ให้มา 4200 mAh พร้อมชาร์จไว 40 วัตต์ ขณะที่ X2 Pro ให้มาแค่ 4000 mAh แต่มีชาร์จไวที่มากกว่าถึง 50 วัตต์. แบตน้อยกว่าแถมชาร์จไวกว่า แบบนี้ X2 Pro ก็เต็มก่อนอยู่แล้ว ส่วนจะใช้งานได้นานแค่ไหนอันนี้อีกเรื่อง สรุปได้ว่า ทั้งสองรุ่นนี้ทั้ง Honor V30 และ Realme X2 Pro นั้นมีความสูสีกันอย่างมาก ส่วนใครจะชอบแบบไหนก็ลองพริจารณากันเอาเองนะจ๊ะ.
เปิดตัวกันไปแล้วสำหรับ Honor V30 และ V30 Pro สองรุ่นสเปคเรือธงใหม่ ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน. V30 และ V30 Pro ถือเป็นสมาร์ทโฟนโมเดลแรกขอ Honor ที่มีการรองรับเทคโนโลยี 5G, มาพร้อมสเปคระดับเทพด้วยชิพเซ็ต Kirin 990 และกล้องกว่า 5 ตัว(รวมหลังและหน้า).
ในรุ่น Honor V30 มาพร้อมหน้าจอ LCD ขนาด 6.57 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ ชิปเซ็ตเป็น Kirin 990 พร้อมรองรับ 5G เทคโนโลยีระดับ 7 นาโนเมตร. RAM มีให้เลือกทั้งแบบ 6GB และ 8 GBม ความจุภายในที่ 128/256 GB ใช้ระบบความปลอดภัยเป็นการสแกนลายนิ้วมือที่บริเวณขอบเครื่องด้านข้าง
Huawei Mate 30 ซีรี่ย์ ทำยอดขายไปแล้วกว่า 7 ล้านเครื่องทั่ว โลกโดยไม่มี Google
Richard Yu, CEO ฝ่าย Consumer Business ของ Huawei ได้มีการเปิดเผยตัวเลขยอดขาย Huawei Mate 30 ซีรี่ย์ จากทั่วโลก ในงานประกาศเปิดตัวแท็ปเล็ตรุ่นใหม่อย่าง Huawei MatePad เมื่อวันที่ 25 พฤษจิกายนที่ผ่านมา. เป็นที่ทราบกันดีว่า Huawei ตระกูลนี้ไม่มีบริการของ Google Mobile Service ซึ่งดูจะเป็นจุดบอดสำคัญในมือถือรุ่นนี้ แต่จากตัวเลขที่มีการเปิดเผยออกมาก็ทำให้รู้ว่า ‘ไม่มีแล้วไง’.
Huawei Mate 30 ซีรี่ย์ ตอนนี้ทำยอดขายทั่วโลกไปได้ถึง 7 ล้านยูนิต หลังเปิดตัวไปเพียง 60 วันเท่านั้น และมีตัวเลขการเติบโตแบบปีต่อปีอยู่ที่ 75%. Huawei Mate 30 ซีรี่ย์ถือเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นแรกที่เปิดตัวหลังจากเกิดปัญหาระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯกับหัวเว่ย และส่งผลไปถึงการตัดขาดจาก Google Mobile Services.
Huawei Mate 30และ 30 Proมาพร้อมชิพเซ็ต Kirin 990 5G แบบ 7 นาโนเมตร EUV และเป็นรุ่นแรกที่รองรับ 5G ได้สองช่องทาง ทั้ง NSA และ SA. มีการออกแบบดีไซน์เสาอากาศสำหรับรับสัญญาณ 5G แบบใหม่ ที่มีเสาอากาศสำหรับรับสัญญาณ 5G โดยเฉพาะมากถึง 14 ตัว. CPU ใน Kirin 990 ทำงานได้ดีขึ้นถึง 23% และประหยัดพลังงานขึ้นถึง 23% ขณะที่ GPU ทำงานดีขึ้น 39% และประหยัดพลังงานขึ้น 32% เพื่อการใช้งานที่ยาวนานขึ้น. พูดถึงการใช้งานนาน Huawei Mate 30 Pro มาพร้อมแบตเตอรี่ 4500mAh และ Mate 30 ให้มา 4200mAh พร้อมระบบชาร์จไว 40 วัตต์ และรองรับชาร์จไร้สายได้ 27 วัตต์.
Huawei Mate 30 มีเซ็นเซอร์กล้องหลักที่ความจะเอียด 40 ล้านพิกเซล แบบ RYYB ที่มีขนาดใหญ่กว่าทั้งใน Note 10+ และ iPhone 11 Pro หัวเว่ยเคลมว่าสามารถเก็บแสงได้มากกว่าถึง 137% ที่ค่า F1.8 ระยะเลนส์ 27 มม. ตัวที่สองเป็นเลนส์กว้างที่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ที่ค่า F2.2 ระยะเลนส์ 17 มม. และ Telephoto เลนส์ ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ค่า F2.4 ระยะเลนส์ 80 มม. OIS นอกจากนี้ยังรองรับ Macro Photography ที่ระยะ 2.5 ซม. สามารถดัน ISO ได้สูงถึง 204800.
ขณะที่รุ่น Pro มาพร้อมเซ็นเซอร์กล้องหลัก 40 ล้านพิกเซล RGGB ที่ใหญ่กว่าในรุ่น Mate 30 ธรรมดา F1.6 OIS ตัวที่สองเลนส์กว้าง Ultra-Wide 40 ล้านพิกเซล ที่ค่า F1.8 ระยะเลนส์ 18 มม. เลนส์ Telephoto 8 ล้านพิกเซล ค่า F2.4 ระยะเลนส์ 80 มม. และ 3D Depth Sensing รุ่น Pro ยังมาพร้อม Pro-B0keh Dual OIS+AIS และ ISO ที่ดันได้ถึง 409600. ส่วนเรื่องความสามารถในการถ่ายวีดีโอก็ให้มาเต็มสูบ 4k 60fps, ISO 51200, Slow Motion 7680fps Real-time Bokeh, Dual OIS+AIS และ 4k HDR+ Time-lapse.
แนะนำ : ดูดวงไพ่ยิปซี | รีวิวที่พัก | รีวิวคาเฟ่ | วิธีลดน้ำหนัก | รีวิวอนิเมะ ญี่ปุ่น
